ประวัติ ของ กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

เดิมหอศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 ณ บริเวณมหาวิทยาลัยนเรศวร (ส่วนสนามบิน) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของมหาวิทยาลัย โดยมีหน้าที่ในการประสานงานจัดแสดงนิทรรศการงานศิลปกรรม ดนตรี นาฏศิลป์ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมไทยเพื่อเผยแพร่สู่ชุมชน และได้ปรับปรุงอาคารบริเวณชั้นบนเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์และห้องอบรมทางด้านศิลปวัฒนธรรม ต่อมาทางหอศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับความเห็นชอบจากมหาวิทยาลัยให้เปลี่ยนชื่อเป็น "ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร" เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 โดยภายในประกอบไปด้วยหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และหอประวัติมหาวิทยาลัยนเรศวร

พิพิธภัณฑ์ผ้า เกิดขึ้นจากมหาวิทยาลัยได้เล็งเห็นว่า ทรัพยากรอย่างหนึ่งของประเทศ คือ “ฝ้าย” ซึ่งเป็นผลผลิตของประเทศที่สมควรได้รับการศึกษาและส่งเสริม จึงได้ร่วมกับองค์กรภายนอก คือ “ร้านจิตรลดา” อันเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งรับสนองพระราชเสาวนีย์ โดยท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ทำให้ร้านจิตรลดาได้ถือกำเนิดขึ้น และเป็นองค์กรที่ได้สนับสนุนให้เกิดโครงการพิพิธภัณฑ์ผ้า จากกองทุนสนับสนุนของร้านจิตรลดาในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ผ้า เป็นการจัดแสดงชุดฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 6 องค์ พร้อมผลิตภัณฑ์จากร้านจิตรลดา และห้องนิทรรศการซึ่งจัดแสดงผ้าทอมือจากแหล่งต่างๆ ของประเทศในลักษณะหมุนเวียน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ผ้า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2542

ต่อมาปี 2543 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เนื่องจากได้พิจารณาถึงศักยภาพ และความสำคัญของโครงการพิพิธภัณฑ์ผ้าแล้วเห็นว่าเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางการท่องเที่ยว และเป็นโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวใหม่ เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเดิมภายในตัวเมืองพิษณุโลก รวมทั้งเป็นการขยายเครือข่ายโครงการจิตรลดาอีกทางหนึ่งจึงได้สนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการพัฒนาปรับปรุงอาคารพิพิธภัณฑ์ผ้า และก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ชีวิต จำนวน 9 หลัง เพื่อเป็นศูนย์กลางการสาธิต และจัดแสดงกระบวนการผลิตผ้าแบบครบวงจร เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต อาจารย์ บุคลากรและประชาชนทั่วไป ได้เกิดการเรียนรู้และซาบซึ้งในภูมิปัญญาไทยเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสาร และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง และในปี 2544 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อทำการตกแต่งภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ชีวิต อุปกรณ์ทอผ้าต่างๆ ตกแต่งภูมิทัศน์รอบๆ อาคารพิพิธภัณฑ์ชีวิต และจัดสร้างห้องพิพิธภัณฑ์ผ้าไทครั่ง

ต่อมาในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 สภามหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีมติให้รวมศูนย์ศิลปวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวรเข้าด้วยกัน โดยให้จัดตั้งเป็นหน่วยงานขึ้นใหม่ ในช่วงแรกให้ใช้ชื่อว่า "สถาบันอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน" ต่อมาได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น "สถานอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน" โดยเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ตามประกาศมหาวิทยาลัยนเรศวร เรื่อง จัดตั้งและปรับปรุงโครงสร้างของส่วนราชการและหน่วยงานภายในสำนักงานอธิการบดี (เพิ่มเติม) โดยประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ให้เปลี่ยนสถานภาพ และชื่อคำเรียกหน่วยงาน จากสถาบันอารยธรรมศึกษาโขง – สาละวิน เป็นสถานอารยธรรมศึกษาโขง–สาละวิน และให้ย้ายไปสังกัดสำนักงานอธิการบดี โดยมีฐานะเทียบเท่ากองและให้แบ่งหน่วยงานภายในเป็น ๔ งาน ประกอบด้วย ๑. งานธุรการ ๒.งานวิจัยและสารสนเทศ ๓. งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ๔. งานพิพิธภัณฑ์

เมื่อคราวประชุมครั้งที่ ๒๐๗ (๕/๒๕๕๘) เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ให้ได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารตามนโยบายของท่านอธิการบดี โดยผ่านสภามหาวิทยาลัย เพื่อให้การบริหารงานมีความชัดเจนและคล่องตัวในการขับเคลื่อนงาน ในทุกบริบท

จึงได้มีประกาศสภามหาวิทยาลัยนเรศวร เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างส่วนงานภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร (สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน) บังคับใช้ประกาศตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ให้แบ่งส่วนงานภายใน ดังนี้ ๑.งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ๒.งานวิจัยและสารสนเทศ โดยทำหน้าที่ศึกษาสืบค้น รวบรวม วิจัย พัฒนา รวมทั้งการสร้างจิตสำนึกความมีตัวตนและอัตลักษณ์ให้กับคนในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจในกลุ่มชุมชนชาติพันธุ์พื้นที่ลุ่มน้ำโขง-สาละวิน ๖ ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพพม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตลอดจนเผยแพร่ ถ่ายทอดองค์ความรู้ และการสร้างเสริมเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้ประสานสัมพันธ์กับหน่วยงานของภาครัฐบาล และเอกชน ทั้งภายในประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ อย่างสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงในสังคมโลกที่เชื่อมโยงนำไปสู่การใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมาสภามหาวิทยาลัยในคราวประชุมครั้งที่ ๒๓๗ (๑๒/๒๕๖๐) เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ ระเบียบวาระที่ ๖.๗ เรื่องการปรับโครงสร้างหน่วยงานภายใต้สำนักงานอธิการบดี เห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อจาก สถานอารยธรรมศึกษาโขงสาละวิน เป็น กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป โดยแยกเป็น ๒ งาน ๑ หน่วยได้แก่ ๑.งานบ่มเพาะและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ๒.งานวิจัยสร้างสรรค์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ๓.หน่วยสนับสนุน

ในเวลาต่อมามติสภามหาวิทยาลัยนเรศวร ในการประชุมครั้งที่ ๒๖๓ (๗/๒๕๖๒) เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ได้ปรับโครงสร้างส่วนงานภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักงานอธิการบดี กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม เปลี่ยนเป็นหน่วยงานภายในกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ดังนี้ ๑.งานศิลปวัฒนธรรม ๒.งานพัฒนานวัตศิลป์ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป โดยนายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร[1]


หอศิลป์ มหาวิทยาลัยนเรศวร